เชื้อแบคทีเรีย ทำให้เป็น รังแค และผมร่วงได้ จริงหรือ?
โดยปกติแล้ว หนังศีรษะจะมีการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวอยู่แล้วซึ่งจะมีขนาดเซลล์ที่เล็ก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น หากไม่สังเกต และการผลัดเซลล์ปกติแล้วจะอยู่ระหว่าง 27-28วัน
การหลุดลอกของหนังกำพร้า ที่มีความผิดปกติ นั้น มีผลทำให้ หนังกำพร้า หลุดลอก ออกมา มากกว่าปกติ โดยที่เซลล์ที่หลุดลอกออกมานั้น จะมีขนาดใหญ่ ทำให้เกิดอาการคัน จนเกิดการอักเสบ ระคายเคือง บนหนังศีรษะ ซึ่งความผิดปกตินี้ มีปัจจัยมาจากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด ภูมิแพ้อากาศ แพ้สารเคมี แชมพู น้ำยาโกรกผม เป็นต้น
เชื้อแบคทีเรีย และ เชื้อรา ทำให้เกิดรังแคและผมร่วง หรือไม่?
ความจริงแล้ว เชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา เป็นเพียงตัวที่กระตุ้นให้ อาการอักเสบ การผลัดเซลล์ผิวหนัง มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เพราะโดยปกติแล้ว เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา อาศัยอยู่ทั่วไปตามอากาศและสิ่งของต่างๆ รวมไปถึงบนหนังศีรษะของเรา อยู่แล้ว โดยที่ แบคทีเรีย จะอาศัยอยู่บนหนังศรีษะและกินไขมัน เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว เป็นอาหาร และปล่อยสารบางอย่างที่มีฤทธิ์เป็น กรดออกมา หากหนังศีรษะอ่อนแอ หรือ ได้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการอักเสบ ดังสาเหตุที่กล่าวมาเบื้องต้น ก็จะทำให้อาการอักเสบ ลุกลาม ทวีความรุนแรง จนสามารถทำให้รากผมเน่าเสีย และเกิดปัญหาผมร่วงได้ แต่หากร่างกายเรามีภูมิต้านทานที่ดี เชื้อแบททีเรียเหล่านี้ก็จะไม่สามารถทำอะไรเราได้ เช่นเดียวกับอาการรังแค เชื้อรา บนหนังศีรษะ หากหนังศีรษะ มีความแข็งแรง แบททีเรียก็จะไม่ก่อให้เกิดอาการผิดปกติได้ค่ะ
ทั้งนี้ การเพิ่มจำนวนของ เชื้อแบคทีเรีย มีสาเหตุมาจาก หนังศีรษะ เกิดการหลุดลอกมากขึ้น และ มีไขมัน ตกค้างอยู่ สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เอื้ออำนวย ให้ จำนวน เชื้อแบคทีเรียเพิ่มจำนวนขึ้น และการเพิ่มจำนวนของเชื้อแบคทีเรีย ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิด อาการคันหนังศีรษะ เกิดการอักเสบ รังแค และการอักเสบ อาจลุกลามได้ง่ายขึ้น การทำความสะอาดที่ถูกสุขลักษณะ ตลอดจนการ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่ถูกต้องตามอาการ จะช่วยให้ อาการ อักเสบ ลดน้อยลง และหายได้เร็วขึ้น ซึ่งในส่วน การดูแลรักษานั้น จะพูดในบทความต่อไปค่ะ