รังแค VS Anti-dandruff
รังแค VS Anti-dandruff
เราได้เสนอวิธีการรักษาเส้นผมและหนังศรีษะยังไงให้ปลอดภัยจากรังแคไปแล้วใน บทความ รังแค รังแก นะคะ สำหรับบทความนี้ เรามาดูกันสิว่า รังแค หรือ Dandruff นั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไรบ้าง และตัวยาที่ชื่อ Anti-dandruff มีคุณบัติอย่างไร ทำไมถึงนิยิมใช้เป็นส่วนผสมผลิตภัณฑ์ บำรุงรักษา รังแค กันค่ะ
สาเตุที่ทำให้เกิดรังแค
นอกจากเชื้อราบางชนิดและฮอร์โมนแอนโดรเจนแล้ว ร่างกายที่อ่อนแอก็เป็นสาเหตุอีกประการหนึ่งที่ทำให้เกิด รังแค ได้เช่นกันนะคะ รวมไปถึงปัจจัยหลายๆอย่างที่หนังศรีษะถูกรบกวน
นั่นก็คือพฤติกรรมของตัวเราเองค่ะ
ไม่ว่าจะเป็น การเลือกใช้แชมพู ชอบดัดผม หรือทำสีผม ใช้เสปรย์จัดทรงผม สระผมชอบเกาแรงๆ หรือแม้แต่การขาดวินัยในการดูแลรักษาความสะอาดค่ะ โดยปกติแล้วเซลล์หนังศีรษะ จะเกิดใหม่และดันผิวชั้นบนหลุดออกในเวลา ประมาณ 27 -28 วันโดยประมาณ แต่หากมีสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง ที่กล่าวไว้ข้างต้น มาเร่งวงจรการผลัดเซลล์หนังศีรษะให้เกิดเร็วขึ้น ก็จะทำให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ผิวที่เร็วผิดปกติและมีขนาดใหญ่จนมองเห็นด้วยตาเปล่า หากไม่รีบรักษาให้สมดุล ก็จะทำให้เกิดเป็น รังแค และในบางรายก็เกิดเป็นโรคผิวหนังได้ในกรณีที่ผิวหนังอักเสบและแพ้อย่างรุนแรงค่ะ
คุณสมบัติของ Anti-dandruff ในการักษารังแค
Anti-dandruff มีตัวยา ซิงค์ไพริไทออน (Zinc Pyrithione) และ เซลิเนียมซัลไฟด์ที่มีคุณสมบัติ ช่วยลดการแบ่งตัวของเซลล์หนังของหนังศรีษระ
Anti-dandruff มีตัวยา คีโตโคนาโซน ขจัดเซลล์ที่ตายแล้ว สามารถลดการเกิดขุยได้ อีกทั้งยังต้านแบคทีเรียแต่ไม่มีฤิทธิ์ต่อต้านการแบ่งตัวของผิวหนัง ฆ่าเชื้อรา ยีสต์ที่เป็นสาเหตุรังแค ทำให้อาการ รังแค ลดน้อยลดได้
ด้วยคุณสมบัติแอนตี้แดนดรัฟข้างต้นนี้ ทำให้กลุ่มผู้ผลิต แชมพูและเซรั่มดูแลเส้นผมและหนังศรีษะ นิยมผสมตัวยาแอนตี้แดนดรัฟเข้าไปในส่วนของ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการขจัด รังแค ค่ะ
และทั้งนี้ทั้งนั้น หากใครกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ขจัด รังแค อยู่ ต้องเลือกให้เหมาะสมกับตัวเองนะคะ เพราะตัวยาที่ใช้ขจัดปัญหารังแคนั้นจะแตกต่างกัน ตามความเหมาะสมและระดับความรุนแรงของ ปัญหารังแค ที่แต่ละคนเผชิญอยู่ค่ะ หากมีอาการติดเชื้อรุนแรงและเรื้อรัง แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์เพื่อ หาสาเหตุและรักษาให้ถูกวิธีค่ะ
*** รังแค ป้องกันได้ หากรักษาความสะอาด และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการก่อให้เกิดรังแคนะคะ และหากใครกำลังโดนรังแครุมเร้าอยู่ หากไม่รีบรักษา ปล่อยทิ้งไว้ ระวังจะกลายเป็นโรครังแคเรื้อรัง รักษาลำบากนะคะ***